เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
- สีสันในเว็บเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ เนื่องจากสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็น จากเว็บก็คือสี ซึ่งเป็นสิ่งกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกของเว็บไซต์
- เราสามารถใช้สีกับทุกองค์ประกอบของเว็บเพจ ตั้งแต่รูปภาพ ตัวอักษร สีพื้นหลัง การใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยในการสื่อความหมายของเนื้อหา
- การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับสีตัวอักษร บางครั้งอาจสร้างความลำบากในการอ่าน
- การใช้สีที่มากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่าน
- การใช้สีที่กลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูชมมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
- สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจที่เราต้องการได้ เช่น ข้อมูลใหม่ หรือโปรโมชั่นพิเศษ
- สีช่วยเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
- สีสามารถนำไปใช้ในการแบ่งบริเวณต่าง ๆ ออกจากกัน
- สีสามารถใช้ในการดึงดูดความสามารถของผู้อ่าน
- สีสามารถสร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจ
- ช่วยสร้างระเบียบให้กับข้อความต่าง ๆ เช่น ใช้สีแยกระหว่างหัวเรื่องกับเนื้อเรื่อง
- สามารถส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้น ๆ
การผสมสี (Color Mixing) มี 2 แบบ
1. การผสมแบบบวก (Additive mixing) จะเป็นรูปแบบการผสมของแสง ไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ สามารถนำไปใช้ในสื่อใด ๆ ที่ใช้แสงส่องออกมา เช่น จอโปรเจคเตอร์ ทีวี
2. การผสมแบบลบ (Subtractive mixing) การผสมสีแบบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแสง แต่เกี่ยวเนื่องกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี เช่น ภาพวาดของศิลปิน รูปปั้น หรือ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
ความกลมกลืนของสี
- ความเป็นระเบียบของสี ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมดุล และความสวยงามในเวลาเดียวกัน
*การใช้สีที่จืดชืดเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อ และไม่สามารถดึงดูดความสนใจจาก ผู้ชมได้
* การใช้สีที่มากเกินไป ก็จะดูวุ่นวาย ขาดระเบียบ และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม
- เป้าหมายในเรื่องสี คือการนำเสนอเว็บไซต์โดยใช้ชุดสีในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย น่าสนใจ
และสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสม
และสื่อความหมายได้อย่างเหมาะสม
รูปแบบชุดสีพื้นฐาน (Simple Color Schemes)
1. ชุดสีร้อน (Warm Color Scheme) ประกอบด้วยสีม่วง , น้ำเงิน , น้ำเงินอ่อน , ฟ้า , ฟ้าเงินแกมเขียว และสีเขียว โดยจะให้ความรู้สึกเย็นสบาย องค์ประกอบที่ใช้สีเย็นจะดูสุภาพ เรียบร้อย
2. ชุดสีแบบเดียว (Monochromatic Color Scheme) เป็นรูปแบบชุดสีที่ง่ายที่สุด คือมีค่าของสีบริสุทธิ์เพียงสีเดียว แต่เพิ่มความหลากหลายโดยการเพิ่มความเข้ม อ่อนในระดับต่าง ๆ และชุดสีแบบนี้ค่อนข้างจะมีความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว แต่ในบางครั้งอาจทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวา เพราะขาดความหลากหลายของสี
3. ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน (Analogous Color Scheme) ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3 สีที่ติดอยู่กันในวงล้อ สามารถเพิ่มเป็น 4 หรือ 5 สีได้ แต่อาจส่งผลให้ขอบเขตของสีกว้างไป
4. ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง (Split Complementary Color Scheme) เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้าม และชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น แต่จะมีผลให้ความสดใส ความสะดุดตา และความเข้ากันของสีลดลงด้วย
5. ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน (Double Split Complementary Color Scheme) ดัดแปลงมาจากชุดสีตรงข้ามเช่นกัน แต่สีตรงข้ามทั้ง 2 สีถูกแบ่งแยกเป็นสีด้านข้างทั้ง 2 ด้าน และชุดสีแบบนี้มีความหลากหลายของสีที่มากขึ้น แต่จะมีความสดใสและกลมกลืนของสีที่ลดลง
6. ชุดสีเย็น (Cool Color Scheme) เว็บเพจที่ใช้โทนสีเย็น ให้บรรยากาศคล้ายทะเล รู้สึกเย็นสบาย
7. ชุดสีแบบสามเส้า (Triadic Color Scheme) เป็นชุดสีที่อยู่ที่มุมของสามเหลี่ยมด้านเท่าทั้งสาม ซึ่งเป็นสีที่มีระยะห่างในวงล้อสีเท่ากัน จึงมีความเข้ากันอย่างลงตัว
8. ชุดสีตรงข้าม (Complementary Color Scheme) คือสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อสี เมื่อนำสีทั้งสองมาใช้คู่กัน จะทำให้สีทั้งสองมีความสว่างและสดใสมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น